9 ข้อควรระวัง เมื่อขอกู้เงินทำธุรกิจ
การจัดหาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การเปิดขยายสาขากิจการของทางบริษัท การจัดอบรมสัมมานา การส่งพนักงานไปดูและศึกษางานในต่างประเทศทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั่นล้วนต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก การดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประวงค์ต่างๆ ตามที่ได้คิดไว้วางแผนไว้นั้นทำให้ทางบริษัทจำเป็นต้องมองหาแหล่งเงินทุนสำรองเอาไว้คอยรองรับการเติบโตดังกล่างในอนาคต
แหล่งเงินทุนที่บริษัทให้ความสนใจละมักจะเข้าไปขอกู้ส่วนมากนั้นมีอยู่ 2 แหล่งคือ ธนาคาร สถาบันการเงิน ทั้ง 2 สถาบันนั้นมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาที่เหมือนๆกันคือ จะดูจากวัตถุประสงค์ของการกู้ และความสามารถในการผ่อนชำระเป็นอันดับแรก
แต่ปัญหาใหญ่ของการกู้เงินนั่นก็คือ การขอสินเชื่อจากสถาบันทางการเงินเล้วไม่ผ่าน ถูกปฏิเสธกลับมา ทำให้เกิดปัญหามากมายกระทบกับทางบริษัท กิจการอาจจะต้องหยุดชะงักลง วันนี้ทีมงาน MakeWebEasy จึงอยากจะขอพูดถึงสาเหตุที่ทำให้การกู้เงินของคุณไม่ผ่านเ เพื่อจะทำให้ทางเจ้าของบริษัทหรือคนที่สนใจไปกู้เงินนำไปปรับใช้
- เกิดจากนโยบายของธนาคารที่ไม่ปล่อยสินเชื่อและมีการตรวจสอบที่เคร่งครัด
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา 2 ปีนี้ เหตุผลนี้ถือเป็นเหตุผลหลักจากธนาคาร ซึ่งในความเป็นจริงทางธนาคารอาจจะไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูดตรงๆแบบนั่น เพราะต้องการจะรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของธนาคารไว้ แต่เหตุผลข้อนี้ก็ถือเป็นเหตุผลโดยตรงจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้ ทางธนาคารจำเป็นต้องป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับตัวธนาคารเองเหมือนกัน
- ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
เหตุผลนี้ถือเป็นเหตุผลหลักอีกสาเหตุหนึ่ง แต่เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าในระบบสถาบันการเงินทุกสถาบันนั้นมีความจำเป็นต้องขอเรียกดูหลักประกันสำหรับใช้ค้ำประกันสินเชื่อ แต่อาจจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ปัญหานี้เกิดขึ้นได้กับทุกบริษัท แต่ที่พบส่วนมากมักจะเป็นบริษัทขนาดเล็กที่เพิ่งจะเริ่มดำเนินธุรกิจมาไม่นาน เลยทำให้สถานะและสภาพคล่องทางการเงินไม่แข็งแรงมากพอ
- ไม่มีระบบบัญชีที่ชัดเจนมาแสดง
อธิบายง่ายๆก็คือ ไม่ได้มีการจัดทำบัญชีรายรับ รายจ่ายที่ชัดเจนมากพอ ส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดกับบริษัทที่มีขนาดเล็ก บริษัทที่เปิดดำเนินธุรกิจได้ไม่นาน ทำให้ขาดการจดบันทึกการใช้จ่ายของทางบริษัททุกครั้งที่มีการใช้จ่ายเงินอย่างดีพอ รวมถึงการเคลื่อนไหวของจำนวนสินค้าในสต็อกสินค้า ทำให้เกิดการรั่วไหลได้ง่าย
- มีประสบการณ์แต่น้อยมาก
ไม่เคยมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจด้านนี้มาก่อน หรือถ้ามีก็อาจจะมีประสบการณ์น้อยมาก ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่อาจถูกปฏิเสธสินเชื่อได้โดยทันที ด้วยเหตุผลของเจ้าของธุรกิจขาดประสบการณ์แล้วทางธนาคารจะสามารถมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณจะสามารถนำพาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและไปรอดได้ ถ้าเกิดมีปัญหาคุณจะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงรึเปล่า
- ขาดข้อมูลในการนำเสนอ
การขาดข้อมูลในโครงการที่จะนำเสนอ หรือมีข้อมูลในมืออยู่น้อยเกินไป ยกตัวอย่างเช่น ขาดข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับคู่แข่งขันในทางธุรกิจ โอกาสในการเจริญเติบโตของธุรกิจ รวมไปถึงผลวิจัยในด้านต่างๆ และการเก็บรวบรวมข้อมูลทางสถิติ การจะทำการวิจัยในข้อมูลในส่วนนี้ อาจจะต้องแก้ไขปัญหานี้ด้วยการจ้างบริษัทที่เชี่ยวชาญเฉพาะในด้านนี้เข้ามาทำถึงจะดูมีความน่าเชื่อถือ และค่าใช้จ่ายในการจ้างบริษัทที่รับทำก็จะมีอัตราที่สูงมาก เลยเป็นสิ่งที่ยากต่อการเข้าถึงของบริษัทเล็กๆ
- ผู้ขอกู้ขาดการชำระหนี้
ทั้งตัวเจ้าของกิจการเองและทางหนี้สินของทางบริษัทที่เคยมีมาด้วย นั่นคือประวัติในการชำระเงินที่ต้องมีการตรวจสอบ มันจะมีผลต่อการสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นด้วย ถ้าเคยมีประวัติเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ยกตัวอย่างเช่น ไม่ยอมชำระหนี้ มีหนี้สนติดค้าง หรือแม้กระทั่งชำระเงินช้าเมื่อถึงกำหนดชำระ มันจะมีปัญหาแน่นอนและจะมีโอกาสจะถูกปฏิเสธได้แทบจะเป็น 100% เลยก็ว่าได้
- ไม่สามารถตรวจสอบหลักฐานได้
หลักฐานที่ให้ไปกับธนาคารหรือสถาบันทางการเงินมีความไม่ชัดเจน ไม่สามารถตรวจสอบได้ บางครั้งหลักฐานที่ให้มาไม่ตรงกับความเป็นจริง โอกาสที่จะได้รับสินเชื่อก็จะน้อยลงตามไปด้วย
- นำเสนออย่างไม่มีการเตรียมตัว
การนำเสนอแผนงานแล้วเกิดข้อผิดพลาดที่เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เช่น ขาดเอกสารที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจ งบการเงิน แผนการดำเนินธุรกิจ เอกสารเกี่ยวกับยอดขาย เอกสารเกี่ยวกับรายชื่อบัญชีลูกค้า ซึ่งแม้มันจะไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ แต่ก็สามารถนำมาใช้พิจารณาประกอบกันจนทำให้ไม่ผ่านการกู้เงินก็ได้
- ไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้
ในส่วนนี้ทางธนาคารเป็นผู้พิจารณาด้วยตัวเองจากการตรวจสอบหลักฐาน และนำไปประเมินความเสี่ยงในการชำระหนี้ของเรา เพื่อจะได้ดูความสามารถในการชำระหนี้คคืนของเรามากน้อยแค่ไหน
ทั้งหมดที่ทีมงาน MakeWebEasy ได้กล่าวไปนั้นแล้วเป็นสาเหตุหลักและปัจจัยที่ทำให้การขอสินเชื่อเพื่อนำมาพัฒนาบริษัทประสบกับความล้มเหลว สิ่งที่เราควรที่จะต้องหันกลับมาย้อนดูตัวเองและสำรวจว่าเราบกพร่องทางจุดไหนเป็นการบ้านที่เราต้องกลับไปทำ เพื่อที่จะได้เข้าไปดำเนินแก้ไขในจุดนั่น และท้ายที่สุดในการเดินเข้าไปขอสินเชื่อในครั้งหน้าคุณก็จะพบกับข่าวดีอย่างแน่นอน