เพิ่มยอดทวีคูณด้วย E-mail Marketing
ขึ้นชื่อว่าการทำการตลาดนั่น สิ่งที่จำเป็นอย่างมากและเป็นตัวกำหนดเกือบทุกๆๆอย่างในการทำก็คือ งบประมาณ การที่เราจะทำการตลาดโดยใช้เงินให้น้อยที่สุดและยังได้ผลดีนั่นย่อมเป็นเรื่องที่ดีและควรทำอย่างยิ่ง
วันนี้ทีมงาน MakeWebEasy จึงอยากยกตัวอย่างขั้นตอนการทำการตลาดที่แทบจะไม่เสียเงินเลยแต่ได้ผลระดับเทพมาให้อ่านกันให้ชมกัน นั่นคือขั้นตอนการทำ E-mail Marketing
- วางแผนตารางการส่งอีเมลล์
เราต้องมีการวางตารางการส่งอีเมลล์ให้สอดคล้องกับธุรกิจของเราให้มากที่สุด “ถ้าส่งอีเมลในช่วงเวลานี้ มีโอกาสที่อีเมลของคุณได้ถูกเปิดอ่านแน่นอน”
สืบเนื่องจากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยโดยสำนักวิจัยด้านการตลาด GetResponse ได้ทำวิจัยถึงช่วงเวลาที่ชาวไซเบอร์ให้ความสนใจกับการเช็คอีเมลมากที่สุดในแต่ละวัน ส่วนช่วงเวลาที่มีการเปิดอ่านอีเมลมากที่สุด ได้แก่ ช่วงเวลา 08.00 – 09.00 น. และช่วง 15.00 – 16.00 น.
- รายชื่อเมลล์ที่ควรส่ง
รายชื่อเมลล์ที่เราจะส่งไปให้ควรจะเป็น E-mail ที่ลูกค้าที่สนใจและให้เรามาไว้จริงๆ ไม่ควรเป็น E-mail ที่เราไปซื้อมาจากแหล่งต่างๆ แต่อาจจะงงกับวิธีการที่จะได้เมลล์ลูกค้ามามาได้อย่างไรใช่มั้ย ยกตัวอย่างการได้มาของ E-mail อาจจะได้มาจาก
- Website ของเราเราควรที่จะมีช่องรับข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ลูกค้าทิ้งเมลล์ไว้ให้เราส่งข้อมูลไปให้
- Facebook Friend หรือ Facebook Fanpage ซึ่งกลุ่มเพื่อนหรือ Fanpage ใน Facebook ของเราที่กดไลน์หรือมาขอเราเป็นเพื่อนนั่นแสดงถึงการที่เขาให้ความสนใจในตัวผลิตภัณฑ์ของเรา
- ลูกค้าที่ใช้บริการเราจริงๆ หรือลูกค้าที่เขามาซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา ถ้าเราพอที่จะมีโอกาสขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลคราวๆๆได้ ก็จะทำให้เราสามารถต่อยอดจากการซื้อในครั้งนั่นของลูกค้าได้ และอาจจะทำให้เขากลายเป็นลูกค้าถาวรของเราในอนาคตได้เลย
- กำหนดเป้าหมายก่อนส่ง
เราต้องมีการกำหนดเป้าหมายเวลาส่ง ยกตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ของเราเป็น เสื้อผ้า fashion วัยรุ่น การที่เราจะส่งเมลล์ไปนำเสนอก็ควรจะกำหนดช่วงอายุ อาจจะเป็นช่วง 18-35 ปี ถ้ากว้างเกินไปหรือแคบเกินก็จะทำให้เราเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่เขาไม่สนใจเป็นการเสียแรงเสียกำลังโดยใช่เหตุและอาจจะก่อให้เกิดความรำคาญเกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับแบรนด์ของเราก็เป็นได้
- วางแผน รูปแบบ การออกแบบ และเรื่องที่จะใส่ลงไป
เมลล์ที่ดีก็ควรจะมีการกำหนด รูปแบบ การออกแบบ และเรื่องที่จะส่งไปให้ดี ต้องเป็นเมลล์ที่ดูน่าสนใจและเข้าใจได้ง่าย กระชับและได้ใจความ อาจจะเป็นการใช้รูป ใช้กราฟ แผนภูมิ ต่างๆ เพื่อให้เข้าใจในไอเดียที่เราจะสื่อให้ได้ง่าย
ยกตัวอย่างเช่น เราเป็นผลิตภัณฑ์ที่เว็บไซด์ในการหาคู่รัก เมลล์ที่เราส่งไปอาจจะเป็น กราฟปริมาณชาย หญิง ในปัจจุบันเป็นชายแท้เท่าไร หญิงแท้เท่าไร และที่ไม่รู้ หรือรู้แล้วแต่อาจจะทำให้เราตกใจอีกทีไหน และอาจจะทิ้งท้ายในเมลล์ไปว่า แล้วคุณจะโชคดีแค่ไหนลองใช้เว็บไซด์เราดูสิ ซึ่งมันตรงประเด็นและน่าสนใจมากกว่าการที่เราจะเขียนเป็นข้อความยืดยาว ต้องใช้เวลานานในการอ่าน
- ส่งทดสอบจริง
หลักจากที่เราได้มีการเตรียมความพร้อมมาได้ 4 ข้อแล้ว ซึ่งที่เราจำเป็นต้องทำก่อนที่จะมีการส่งจริงนั่นก็คือ การทกลองส่ง เพื่อให้มั่นใจว่าการส่งในครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดพลาด บางครั้งการที่เราวางแบบแผนไว้ในรูปแบบหนึ่ง แต่หลังการส่งอาจออกมาเป็นอีกแบบหนึ่งก็เป็นได้ และควรจะเช็ดความเรียบร้อยเรื่องตัวสะกด เบอร์โทรศัพท์ หรืออีเมลล์ ให้เรียบร้อย เพราะแค่ตัวอักษรเดียวหรือเบอร์เดียวก็สามารถทำให้คุณขายผลิตภัณฑ์ หรือตัวผลงานของคุณไม่ได้เลยที่เดียว
- วิเคราะห์ผล
หลังการที่เราส่งเมลล์จริงไปแล้ว ทุกครั้งเราต้องทำการวิเคราะห์ผลจากการส่งทุกครั้ง เพื่อที่จะทราบถึง feedback ที่ได้กลับมาว่าเป็นอย่างไร ควรจะปรับแก้ตรงส่วนไหนบ้าง มีจำนวนการเปิดอ่านเท่าไร และมันสร้างยอดขายให้กับธุรกิจของเราได้หรือเปล่า (แต่หลายคนอาจจะข้อสงสัยถึงว่า แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าลูกค้าที่ได้มา มาจากเมลล์ของเรารึเปล่า ก็มีอยู่หลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น อาจจะให้ส่วนลดในเมลล์นี้ไป การที่จะได้รับส่วนลดก็เพียงแค่กรอก code หรือบอก code ที่เราตั้งไว้ เป็นต้น)
- ปรับปรุงรูปแบบและกลยุทธิ์
ปรับปรุงรูปแบบกลยุทธิ์ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีมากขึ้นไปอีก เช่น E-mail ที่ผ่านมาอาจจะกำหนดช่วงอายุคนที่ส่งให้กว้างขึ้น ควรเพิ่มข้อกำหนดของส่วนลดให้มากกว่านี้เพราะมีปัญหาอย่างนี้เกิดขึ้น เป็นต้น
ก็จบไปแล้วกับ 7 วิธีการทำ E-mail Marketing การทำ E-mail Marketing นั่นเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดที่เห็นผลลัพธ์เร็วมากๆและช่วยสร้างรักษาฐานลูกค้าทั้งในโลก online และ offline ให้กับธุรกิจของคุณเป็นอย่างมาก ลองมาทดลองใช้ E-Mail Marketing ดูนะค่ะ ไม่แน่นะอาจจะเป็นวิธีที่ทำให้คุณได้ฐานลูกค้ามากขึ้นจนอาจจะตกใจด้วยงบประมาณที่น้อยแสนน้อย
MakeWebEasy ผู้ช่วยที่รู้ใจใน ธุรกิจออนไลน์ ของคุณ