ฝ่าวิกฤต COVID-19 เจ้าของธุรกิจควรรับมืออย่างไร
สถานการณ์ที่ผู้คนทั่วโลกกำลังตื่นตระหนกกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ Covid-19 ที่แพร่ระบาดไปไกลถึง 50 ประเทศทั่วโลก ความน่ากลัวของไวรัสชนิดนี้นอกจากจะเป็นอันตรายต่อชีวิตแล้ว ก็ยังเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
หนักที่สุดคงหนีไม่พ้น “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ที่ได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ พ่วงเอาธุรกิจโรงแรม ที่พัก, ร้านอาหาร, สถานบันเทิงและห้างสรรพสินค้าซบเซาไปด้วย ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทุกวันทำให้เกิดความหวาดกลัวและหลายคนไม่กล้าที่จะออกไปนอกบ้าน การค้าขายภายในประเทศจึงน้อยลง สถานที่สาธารณะที่เคยมีคนพลุกพล่านก็เริ่มเบาบางจนแทบร้าง
amp.flipboard.com
แต่.. ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่ได้รับผลเสียจาก Covid-19
ผลสำรวจของ businessinsider.com พบว่า หลังจากมีการระบาดหนักของไวรัส Covid-19 ทำให้มีผู้ใช้งาน Netflix สูงขึ้น 5.3% ใน 1 วัน รวมไปถึงธุรกิจต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ด้วยอินเตอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็น บริการ Food Delivery, การซื้อสินค้าผ่าน Social media, เว็บไซต์ E-Commerce หรือ Online Shopping Platform ทำให้ธุรกิจที่มีช่องทางออนไลน์สามารถเติบโตได้ในช่วงเวลานี้
หากธุรกิจของคุณยังมีเพียงหน้าร้าน ควรเตรียมแผนการรับมือสถานกาณ์นี้ไวให้ดีๆ ผมขอยกตัวอย่างเคสของประเทศจีนในตอนนี้ ร้านค้าปลีกมีการปิดให้บริการชั่วคราวหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Starbucks, Uniqlo, Nike และ Apple ร้านค้าปลีกขนาดกลางและขนาดเล็กต่างได้รับผลกระทบกันทั้งนั้น แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ผู้คนจึงหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น
อย่างธุรกิจ Food Delivery ในจีน แอปส่งอาหาร Meituan และ Elema มียอดสั่งซื้อในแต่ละวันกว่า 40,000 ออร์เดอร์ เพิ่มมากขึ้นจากเดิมกว่าเท่าตัว ทำให้ธุรกิจร้านค้าปลีกเจ็บตัวไม่มากนัก กลับกันกับมียอดขายที่ดีขึ้นอีกด้วย
โรงเรียนและมหาวิทยาลัยเริ่มจัดการเรียนออนไลน์ขึ้น เริ่มจากกรุงปักกิ่งที่ใช้การบันทึกวิดีโอการสอน หรือมหาวิทยาลัยปักกิ่งที่นำระบบ Classin มาใช้ในการเช็คชื่อนักศึกษา
ประเทศไทยของเราก็ปรับตัวเก่งไม่แพ้กัน
ที่เห็นได้ชัดคงจะเป็นงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 48 ที่พึ่งมีการแจ้งงดจัดกิจจกรรม เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 และมีการปรับรูปแบบการจัดงานบนสื่อออนไลน์ โดยใช้ชื่อว่า “งานหนังสือดิ้นไปออนไลน์เต็มตัว” เพื่อทุกคนสามารถซื้อหนังสือออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
จากเคสตัวอย่างที่ผมแนะนำ จะเห็นได้ว่าหลายๆ องค์กรมีการปรับตัวเข้าหาออนไลน์มากขึ้น แม้สื่อออนไลน์จะไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่ก็ยังมีหลายธุรกิจที่ยังคงทำออฟไลน์เป็นหลัก หรือไม่ได้โฟกัสออนไลน์อย่างเต็มที่ และทางรอดสำหรับธุรกิจในตอนนี้คงหนีไม่พ้น “ การเน้นด้านออนไลน์ให้มากขึ้น ” จริงๆ
แล้วธุรกิจของเราจะหาทางรอดได้อย่างไร?
1. สำรวจตัวเองสิครับว่าธุรกิจคุณมีฐานออนไลน์ที่แข็งแรงแล้วรึยัง?
ใช้สื่อออนไลน์ช่องทางไหนบ้าง Facebook, Instagram, Line , Website หรือ Marketplace มีแค่ Facebook อย่างเดียวพอหรือไม่
2. เปรียบเทียบธุรกิจของคุณกับคู่แข่ง
ดูว่าคู่แข่งของคุณทำการตลาดช่องทางไหนบ้างมีการจัดแคมเปญอย่างไร ทำคอนเทนต์แนวไหนในการเรียกลูกค้าในช่วงที่ไวรัสกำลังระบาด
3. มองหากลุ่มลูกค้าของคุณให้เจอว่าอยู่ในช่องทางไหน
ไม่มีใครรู้จักลูกค้าดีเท่าเจ้าของธุรกิจอีกแล้ว คุณต้องรู้ว่าทำการตลาดออนไลน์แบบไหนบ้างที่สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ได้ ต้องใช้ Social media , Google Search หรือ Marketplace ต่างๆ อย่าง Shopee , LAZADA เข้ามาเสริมหรือไม่ หากคุณสามารถทำได้ทุกช่องทาง ธุรกิจของคุณจะไม่ได้ฝ่าแค่วิกฤตนี้เท่านั้น แต่มันยังทำให้ธุรกิจของคุณโตขึ้นอีกด้วย
4. ศึกษาวิธีใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์
คุณจะเห็นได้ว่าเครื่องมือเหล่านี้มีเยอะมาก และมีวิธีการใช้งานที่สามารถลงลึกได้อีก ผมยกตัวอย่างเช่น การทำ Facebook Fan Page นอกจากคุณจะโพสต์ภาพสินค้าเพื่อโปรโมตบนหน้าแฟนเพจได้แล้ว ยังมีเรื่องของการยิงโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย การทำ Retarketing เพื่อยิงโปรโมชั่นให้ลูกค้า เพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น
หรือแม้แต่การทำ Website จะทำอย่างไรให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้ จะทำ SEO ให้ Website หรือจะทำโฆษณา Google Ads เพื่อให้ลูกค้าใหม่ๆ สามารถหาธุรกิจของคุณเจอในหน้าแรกของ Google
เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ บางธุรกิจอาจไม่แข็งแรงในเรื่องออนไลน์ ก็สามารถหาผู้ที่เชี่ยวชาญที่ไว้วางใจมาให้คำปรึกษา หรือทำการตลาดออนไลน์ให้ก็ได้ครับ หากมีการวางแผนรับมืออย่างรอบคอบและใช้เครื่องมือการตลาดที่เหมาะสม ผมมั่นใจว่าธุรกิจของคุณจะผ่านช่วงเวลาร้ายๆ นี้ไปได้แน่นอนครับ