Google Ads คืออะไร? ทำไมคนทำธุรกิจต้องรู้ และควรทำ!
เชื่อว่าคนที่ทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ส่วนใหญ่น่าจะเคยได้ยินชื่อของ Google Ads มาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่รู้ว่า Google Ads คือ อะไร แบบจริงๆ จังๆ แล้วทำอะไรได้มากน้อยขนาดไหน ทำไมคนที่มีเว็บไซต์ทั้งแบรนด์ใหญ่ๆ และ SME ถึงได้ใช้ Tools ตัวนี้กันแทบทั้งนั้น ลองอ่านบทความนี้ดู รับรองว่าคุณจะเข้าใจ Google Ads มากขึ้น และอาจจะอยากใช้ขึ้นมาก็ได้ครับ
โฆษณา Google Ads คือ ?
Google Ads คือ การทำโฆษณาผ่านเครือข่าย Google โดยอาศัยจุดแข็งของ Google ที่มีผู้เข้าใช้งานในหลักล้านคนต่อวัน ซึ่งรูปแบบโฆษณาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Google Search
สาเหตุที่หลายแบรนด์เลือกใช้ Google Search เพราะจำนวนผู้เข้าใช้ Google เพื่อค้นหาข้อมูลในประเทศไทยต่อเดือนมีจำนวนสูงถึง 4 ร้อยกว่าล้านคน เฉลี่ยแล้วมีผู้ใช้วันละ 13 ล้านคน (อ้างอิงจากข้อมูลสถิติ HootSuite Digital Marketing 2019) ทำให้ Google แปรสภาพเป็นตลาดออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่มาก และมีโอกาสที่เจ้าของธุรกิจจะขายสินค้าหรือบริการผ่านการทำ Google Ads ได้เพิ่มมากขึ้น
ทีนี้ เราจะพาไปรู้จักกับรูปแบบโฆษณาต่างๆ ของ Google Ads ว่าจริงๆ แล้ว Google Ads คืออะไร มีอะไรบ้าง และมีจุดเด่นยังไง ลองทำความเข้าใจดูครับ
บริการของ Google Ads
Google Search
“บริการโฆษณาเว็บไซต์เมื่อมีผู้ค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเรา”
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าคนส่วนใหญ่จะรู้จัก Google Ads ว่าเป็นการโฆษณาเว็บไซต์เวลามีคน search เข้ามา ซึ่งก็ถูกครับ เพราะรูปแบบการโฆษณาของ Google Search จะเป็นการเลือกซื้อ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเรา เพื่อให้ผู้ค้นหาเจอเราก่อนเป็นอันดับแรกๆ เพิ่มโอกาสในการขายให้มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคีย์เวิร์ดที่ควรใช้ก็คือ Keyword ที่มีโอกาสในการขายมากที่สุด เช่นในตัวอย่างนี้ครับ
นาย A ทำเต็นท์รถมือสอง ตัวอย่างคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องคือ “รถมือสอง”, “รถมือสองสภาพดี”, “รถมือสองราคาถูก”, “รถมือสองไม่เกินแสน” เป็นต้น
ถ้ามีผู้พิมพ์คำค้นหาเข้ามาว่า “รถมือสองไม่เกินแสน” Google ก็จะนำเว็บไซต์เราไปแสดงผลเป็นลำดับแรกๆ เพื่อนำเสนอ Product ของเราให้ลูกค้าเห็นก่อน ซึ่งตามสถิติแล้ว เว็บไซต์ที่ขึ้นมาเป็นลำดับแรกๆ จะมียอดคลิกสูงกว่าเว็บอื่นที่อยู่ลำดับล่างลงไป
ดังนั้น Google Search ก็คือบริการที่ทำให้เว็บไซต์คุณติดอันดับ Top ของหน้า Google เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายให้สูงที่สุด และเป็นโฆษณาชิ้นสำคัญมากที่สุดในบรรดา Ads ทั้งหมดด้วย เพราะ Google Search เป็น Ads ขั้นพื้นฐานที่ควรทำเป็นอย่างแรก เพราะถ้าพื้นฐานแน่น การต่อยอดไปด้านอื่นๆ มันจะง่ายขึ้นกว่าเดิมครับ
Google Display Network (GDN)
จริงๆ แล้ว GDN น่าจะเป็นรูปแบบโฆษณาที่ผ่านตาเราบ่อยมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก Search เพราะ GDN คือแบนเนอร์โฆษณาของแบรนด์ที่ปรากฏขึ้นตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่เราเข้าไปดู ซึ่งเราสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะให้แบนเนอร์ของเราไปปรากฏบนเว็บแบบไหน เกี่ยวกับอะไร เพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เช่น ถ้าคุณทำธุรกิจทัวร์ต่างประเทศ เว็บไซต์ที่คุณควรจะเลือกให้แบนเนอร์ไปโชว์ก็คือ เว็บไซต์แนวท่องเที่ยว, ไลฟ์สไตล์ หรือเว็บวาไรตี้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณทำอยู่ เป็นต้น
ประโยชน์ของการทำ GDN ก็คือการสร้าง Brand Awareness เพราะคนจะเห็นแบนเนอร์ของเราเยอะมาก ทำให้ผู้พบเห็นจดจำแบรนด์ หรือ Key Messege ที่เราต้องจะสื่อสารออกไปได้ เฉลี่ยแล้วคนจะเห็นโฆษณาของเรามากถึงหลักแสนคน แต่ใช้งบประมาณเพียงหลักร้อยเท่านั้น นอกจากนี้ สิ่งสำคัญสำหรับการทำโฆษณาแบบ GDN ก็คือ แบนเนอร์ต้องมีความสวยงาม และสื่อสารได้ตรงประเด็นภายในหนึ่งรูปภาพ เพื่อดึงดูดให้ผู้พบเห็นคลิกเข้ามาชม หรือสร้างภาพจำให้กับผู้ชมได้ดีที่สุด
Youtube Ads
Youtube Ads เป็นรูปแบบการโฆษณาย่อยของ GDN อีกทีหนึ่ง ด้วยการนำแบนเนอร์ของเราไปแสดงบนยูทูป ส่วนใหญ่มักจะเป็นแบนเนอร์เกี่ยวกับโปรโมชั่นเป็นหลัก เพราะการโฆษณาแบบนี้จะสร้าง Awareness ให้กับผู้ใช้ได้ง่าย ส่วนแบนเนอร์สินค้าก็มีบ้าง แต่จะไม่เยอะเท่าโปรโมชั่น
สำหรับการทำ Youtube Ads ผู้ลงโฆษณาสามารถเลือกได้ว่าจะให้โฆษณาของเราไปแสดงที่ไหน เช่น คลิปที่มียอด view สูงๆ และคาดว่ากลุ่มเป้าหมายเราน่าจะดูคลิปนี้แน่นอน หรือยิงไปหา Channel ที่กลุ่มเป้าหมายเราติดตาม เพื่อสร้างภาพจำให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเราให้มากที่สุด
Mobile App Ads
นอกจาก Google จะเป็นเจ้าของ Google Services ในรูปแบบของเว็บไซต์แล้ว ตัวกูเกิ้ลเองก็ยังมีบริการที่อยู่ในรูปแบบของแอปพลิเคชั่นด้วยเช่นกัน โดยแอปพลิเคชั่นนั้นๆ ต้องอยู่ในเครือข่าย Google Partner ด้วย ซึ่งมือถือ Android จะเจอกันบ่อย เพราะว่าแอปทุกแอปใน Play Store จะนับเป็น Google Partner อยู่แล้ว และสามารถเปิดให้โฆษณา Google ไปแสดงผลได้
การทำงานของ Mobile Apps Ads ก็คือการนำแบนเนอร์ หรือวิดีโอโฆษณาไปแสดงผลขณะใช้แอปพลิเคชั่นอยู่ ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเจอ เช่น แอปแต่งรูปอันนึง เมื่อแต่งรูปเสร็จแล้ว กดเซฟ จะมีโฆษณาเด้งขึ้นมา นั่นแหละครับ!! โฆษณาแบบ Mobile Apps หรือจะเป็นแอปรวม Wallpaper สวยๆ ไว้หลายๆ รูป แล้วมีแบนเนอร์โปรโมชั่นมาแทรกระหว่างรูปบ้าง หรือจะเป็นการเล่นเกมฟรีสักเกม แล้วถ้าอยากได้ไอเทมเพิ่ม ให้กดดูโฆษณา นี่ก็เป็น Mobile Apps Ads เช่นกันครับ
Google Shopping Ads
Google Shopping Ads เป็นโฆษณารูปแบบใหม่ที่ Google เพิ่งเปิดให้ใช้งานในประเทศไทยได้ไม่นานนัก โดยโฆษณาชนิดนี้จะเน้นไปที่การโชว์สินค้าพร้อมราคาจากหน้า Search ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายได้เร็วขึ้น เพราะผู้ซื้อจะเห็นภาพสินค้ากับราคาทันที โดยไม่ต้องกดเข้าไปยังเว็บไซต์ก่อน และพอเรากดที่สินค้าปุ๊บก็จะเด้งไปที่หน้าสินค้า พร้อมกดสั่งซื้อได้ทันที
โฆษณา Shopping Ads เหมาะสำหรับร้านค้าที่มีสินค้าขายปลีก ที่สำคัญคือการทำโฆษณานี้ไม่จำเป็นต้องคัดเลือกคีย์เวิร์ดเหมือน Google Search แต่ Google จะเก็บข้อมูลในหน้าสินค้านั้นแล้วเอาไปประมวลผลเองว่า คนที่เสิร์ชคำว่าอะไรควรเห็นสินค้าของเรา เพราะส่วนใหญ่แล้วคนที่เสิร์ชเจาะจงลงไปถึงระดับชื่อ หรือรุ่นสินค้า มักมีความต้องการซื้อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การโชว์สินค้าพร้อมราคาให้เห็นเลย จะช่วยเรื่องการตัดสินใจซื้อให้เร็วขึ้นอีกระดับหนึ่ง
Remarketing
การรีมาร์เกตติ้ง คือการนำโฆษณาไปแสดงซ้ำๆ ให้ผู้ที่มี engagement หรือมี Action บางอย่างกับเว็บไซต์ของเรา แต่ยังไม่พร้อมซื้อ หรือยังไม่ตัดสินใจซื้อในขณะนั้น เช่น ผมเคยเสิร์ชหา Adidas Yeezy Boost 350 V2 เพราะเห็นว่าสวย เลยอยากหาข้อมูลดู พอค้นหาปุ๊บ ก็มีโฆษณาจากร้านค้าร้านนึงเด้งขึ้นมา ผมก็กดเข้าไป แต่พอดูแล้วผมยังไม่ซื้อ (เพราะเงินไม่พอ เศร้า T_T) เลยปิดออกไป แต่พอเข้าไปอีกเว็บไซต์นึง…
“แบนเนอร์โปรโมชั่นรองเท้า Adidas คู่นั้นจากร้านค้าร้านนั้นมาโชว์อยู่บนเว็บที่ผมดูอยู่”
แล้วผมก็เห็นแบนเนอร์โฆษณาอันนั้นในทุกที่ที่ผมไป จนสุดท้ายหลังจากเห็นแบนเนอร์ตัวนี้มากว่า 1 สัปดาห์ เงินผมออกแล้ว (และกำลังจะปลิวไป) ผมก็ยังเห็นร้านนี้จัดโปรเดิมที่ราคาค่อนข้างถูกกว่าร้านอื่น และดูแล้วค่อนข้างน่าเชื่อถือ ผมก็สั่งซื้อรองเท้าใหม่จนได้ และกลายเป็นลูกค้าของเขาในที่สุด นี่แหละครับ เป็นการ Remarketing ที่ได้ผลดีจริงๆ
การ Remarketing มักจะนิยมใช้กันในการทำการตลาดออนไลน์ เพราะก่อนจะ Remarketing ได้ เราจะมีข้อมูลของกลุ่มลูกค้า Target มาก่อนอยู่แล้ว และนับเป็น Leads ที่มี value อย่างมาก ซึ่ง Leads นี้จะได้มาจากการคลิกเข้าเว็บ, การคลิกดูสินค้า หรือการคลิกผ่าน Ads ตัวใดก็ตาม แต่ถ้าหาก Target เหล่านี้ยังไม่ซื้อสินค้า การรีมาร์เกตติ้งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เขาเหล่านั้นกลับมาซื้อสินค้าจากเราในที่สุด เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการเอาโฆษณาไปตามติด Target ในทุกๆ ที่ และกระตุ้นให้เขารับรู้ว่า “อย่าลืมฉันนน!!”
หวังว่าบทความนี้จะช่วยสร้างความเข้าใจให้คนที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ Google Ads ได้บ้างนะครับ จะว่าไปแล้ว การทำการตลาดออนไลน์สำหรับคนที่มีเว็บไซต์นับว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมากๆ เพราะว่าถ้าวางแผนผิดไปนิดเดียว เว็บไซต์คุณอาจจะโตช้าเพราะไม่มีคนเห็น ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจของคุณเติบโตช้าตามไปด้วยเช่นกัน
แต่ถ้าเรามีการวางแผนการทำ Online Marketing สำหรับเว็บไซต์อย่างถูกต้อง ปรับปรุงหน้าเว็บให้สวยงาม น่าเชื่อถือ ยิงโฆษณาหากลุ่มเป้าหมายได้ตรงเป๊ะ รับรองว่าลูกค้าไม่หนีไปไหน ยอดขายจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และธุรกิจของคุณก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
ถ้าท่านใดมีข้อสงสัยเรื่อง Google Ads อยากได้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ (Google Ads Specialist) ก็สามารถติดต่อมาได้ที่ 02-217-7999 เรายินดีให้คำปรึกษากับทุกๆ ท่านครับ 😀