E-Commerce, เทคนิคการทำเว็บไซต์
E-Commerce, เทคนิคการทำเว็บไซต์

ทำเว็บขายของยังไงให้ลูกค้าซื้อแล้วกลับมาซื้ออีก!

เว็บขายของ หรือเว็บไซต์ E-Commerce ในปัจจุบันมีการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงมากภายในระยะเวลาแค่ 2-3 ปีที่ผ่านมา และยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย เพราะผู้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น และมีการใช้งานที่ง่ายมาก เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องก็สามารถใช้ทำอะไรได้หลายอย่างแล้ว ทำให้วิถีชีวิตของคนยุคดิจิทัลเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และภาคธุรกิจเองก็ต้องปรับตัวเพื่อตามกระแสโลกาภิวัฒน์ให้ทันด้วยเช่นกัน

ด้วยความที่ทุกคนใช้อินเทอร์เน็ตได้ ทำให้ใครๆ ก็สามารถผันตัวเองมาทำธุรกิจออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่ตามมาด้วยก็คือ “การมีคู่แข่ง” เต็มไปหมด แล้วถ้าเรามีเว็บขายของเองอยู่แล้ว แล้วอยากทำให้ร้านค้าออนไลน์ของเราดึงดูดลูกค้ามากกว่าที่อื่น สำคัญสุดก็คือ อยากให้ลูกค้ามาซื้อของร้านเราร้านเดียว มันมีจะมีวิธีมั้ย?

บอกเลยว่าเว็บขายของที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยส่วนใหญ่ไม่ได้มีดีเพียงแค่สินค้า หรือการทำ SEO เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีในเรื่องของการทำเว็บไซต์ให้ถูกใจขาช้อปออนไลน์ด้วย เราเลยสรุปข้อมูลเป็นข้อสั้นๆ มาให้ทุกท่านได้อ่านกันว่า เว็บขายของ ที่ลูกค้าซื้อแล้วกลับมาซื้ออีก ควรมีอะไร และควรเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย

หน้าเว็บต้องโหลดเร็ว และใช้งานสะดวกที่สุด

– นักช้อปออนไลน์กว่า 47% มองว่า เว็บไซต์ที่เป็น responsive จะดึงดูดให้อยู่ในเว็บต่อ
– ผู้ใช้ตัดสินว่าเว็บใช้ง่ายหรือยากจาก Site’s Navigation หรือระบบค้นหา และการจัดหมวดหมู่สินค้าของเว็บ
– 3 ใน 4 ของลูกค้าจะปิดเว็บทันที ถ้าเว็บโหลดช้าเกินไป สำหรับปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการปิดเว็บ ลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ทำเว็บให้โดนใจคนดู ทำยังไง?
– พยายามปรับหน้าเว็บโดยอิงการแสดงผลบนมือถือเป็นสำคัญ เพราะกลุ่มลูกค้าวัย 18-29 ปี จำนวนกว่า 77% เลือกซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านมือถือ

สรุป – ถ้าอยากให้ตัวเว็บดึงดูด และรักษาลูกค้าที่เข้ามาไว้ได้ ก็ต้องทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบาย รวดเร็ว และใช้งานได้บนทุกๆ อุปกรณ์

 

ข้อมูลครบ ถูกต้อง และชัดเจน

– ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนไม่ซื้อสินค้า หรือบริการในเว็บ เพราะว่า “ให้ข้อมูลไม่มากพอ”
– ลูกค้า 68% ต้องการข้อมูลมากพอที่จะทำให้เขาเข้าใจในสินค้า หรือบริการแบบเคลียร์ที่สุด
– 77% ของลูกค้าระบุชัดเจนว่า คอนเทนต์บนหน้าสินค้าเป็นคีย์หลักที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้โดยตรง แม้ว่าสินค้านั้นจะเหมือนๆ กับร้านอื่นก็ตาม
– ผู้ซื้อ 40% อยากรู้เกี่ยวกับ Q&A ของสินค้า หรือบริการนั้นๆ มากกว่าแค่คำอธิบายอย่างเดียว
– 83% ของผู้ซื้อรู้สึกว่าการมีช่องทางให้สอบถามแบรนด์เกี่ยวกับสินค้า และบริการ (ผ่านแชท, ไลน์ หรือโทรศัพท์ ฯลฯ) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตัดสินใจซื้อด้วย

สรุป – ผู้ซื้อไม่ได้ต้องการแค่คำอธิบายสินค้าอีกต่อไป แต่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในลักษณะแบบ ใช้แล้วเป็นยังไง ช่วยอะไรได้บ้าง หรือมันดียังไง เพื่อสร้างการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ข้อมูลในหน้าเว็บต้องครบ ถูกต้อง และชัดเจนมากพอ

 

รูปสินค้าต้องสวย คมชัด และมองเห็นทุกรายละเอียด

– ลูกค้า 26% ปิดหน้าเว็บทันทีเมื่อเจอภาพแตก หรือรูปสินค้าน้อยเกินไป
– ลูกค้า 50% ต้องการเห็นรูปภาพคุณภาพสูง คมชัด และมีองค์ประกอบภาพที่ดี
– ลูกค้า 67% ระบุว่า จำเป็นต้องมีรูปสวยๆ คุณภาพสูงในหน้าสินค้า เพราะเป็นส่วนสำคัญที่สุด
– ลูกค้า 71% ใช้ฟังก์ชัน zoom-in เพื่อดู details เล็กๆ น้อยๆ ของสินค้า ประกอบการตัดสินใจ
– ลูกค้า 39% จะปิดหน้าเว็บ หรือกด back กลับทันที ถ้ารูปภาพไม่โหลด หรือโหลดช้าเกินไป

สรุป – เนื่องจากการซื้อของออนไลน์นั้น ผู้ซื้อจะไม่ได้จับต้องสินค้า ทำให้รูปภาพต้องเข้ามามีส่วนช่วยตรงนี้ เพื่อให้ลูกค้าเห็นสินค้าได้ชัดเจน และละเอียดที่สุด แต่รูปต้องปรากฏขึ้นมาทันใจ และมีคุณภาพสูงด้วย ถ้าเว็บคุณไม่เข้าเงื่อนไขนี้ ลูกค้ากดปิดแน่นอน

รีวิวต้องมี และถ้าให้ดีต้องไม่ใช่ม้า

– ก่อนจะตัดสินใจซื้ออะไรซักอย่าง ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะสำรวจรีวิว หรือความเห็นการซื้อสินค้าจากร้านนั้นๆ ก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจ
– ลูกค้า 73% ต้องการทราบความเห็นของลูกค้าคนก่อนๆ ว่าซื้อสินค้าที่นี่แล้วเป็นยังไง ได้ของจริงมั้ย สินค้าดีมั้ย ฯลฯ
– 50% ของลูกค้าอยากเห็นรีวิวของสินค้าทุกอันที่เข้าไปเลือกดู
– 48% ของลูกค้าจะบอกต่อข้อดีของสินค้า หรือแบรนด์นั้นๆ ถ้าหากรีวิวที่พบเจอเป็นความจริงทั้งหมด และไม่อคติจนเกินไป

*ทำไมรีวิวถึงสำคัญ?

– เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกมั่นใจในการซื้อสินค้ามากขึ้น ว่าเขาจะได้สินค้าตามต้องการจริงๆ
– สร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวแบรนด์ได้ดีมากๆ
– การันตีความปลอดภัยในการสั่งซื้อ และรับประกันถึงการไม่ถูกหลอก

สรุป – ผู้บริโภคไม่อยากได้ยินคำพูดของแบรนด์พูดถึงสินค้าตัวเอง แต่เขาต้องการความหลากหลายทางความเห็นที่อยู่บนพื้นฐานความจริง และไม่อคติ ถ้าสินค้าคุณดีจริงก็มีคนมาชม ถ้าไม่ดีก็นำข้อคิดเห็นเหล่านั้นไปปรับปรุง พาร์ทของการรีวิวนี่แหละ ที่จะสร้างความไว้ใจ และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณได้ดีมากๆ

 

การค้นหาต้องเร็ว มีฟังก์ชันหลากหลาย

– ระบบค้นหาภายใน หรือ Navigation System เป็นสิ่งแรกที่ผู้ใช้จะนำมาตัดสินว่าเว็บนี้ใช้ดีหรือไม่ดี
– ผู้ซื้อ 71% ใช้งาน Search Box เป็นสิ่งแรกเวลาเข้าเว็บขายของ และใช้ประจำ
– ผู้ซื้อกว่า 70% ต้องการฟังก์ชัน Filter Search เพื่อกรองสิ่งที่ตรงความต้องการที่สุด ไม่ใช่รายการสินค้ายาวเหยียดเต็มหน้า

 

แม้ว่าข้อมูลที่เราสรุปมาให้จะยังไม่ใช่ทั้งหมดของการพัฒนาเว็บไซต์ให้ครอบคลุมรอบด้าน แต่พื้นฐานเหล่านี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมอบประสบการณ์ และความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าจากแบรนด์คุณให้กับลูกค้าได้ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มยอดขายได้อีก ถ้าหากร้านเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ก็หวังว่าเจ้าของเว็บขายของออนไลน์ทุกๆ ท่านจะนำข้อมูลตรงนี้ไปปรับแต่งหน้าเว็บของตัวเองให้เพอร์เฟกต์กันมากขึ้น แล้วขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทุกคนนะครับ 🙂